พรสวรรค์หรือพรแสวง “ลำเพลิน วงศกร” กว่าจะมาเป็นหมอลำโอปป้า เปิดใจว่าอาชีพ “นักร้อง” ไม่ใช่ความฝันของผม

ใครจะรู้ว่า “ลำเพลิน วงศกร” นักร้องหมอลำวัยรุ่นสุดฮอต ที่นำความเป็นอีสานมาเผยแพร่ผ่านเสียงเพลง  ไม่เคยมีความฝันอยากจะเป็น “นักร้อง” เลย  ความฝันในวัยเด็กของ “ลำเพลิน” อยากเป็น “ทหาร”  เพราะอยากใส่เครื่องแบบ คิดว่าเป็นอาชีพที่เท่ และได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ  แต่ด้วย “พรสวรรค์” การเป็นนักร้องที่มีอยู่ในตัว  ทำให้เค้าไม่ได้เดินตามเส้นทางความฝันการเป็น “ทหาร” แต่มาอยู่บนเส้นทางนักร้องหมอลำ ที่มีแฟนเพลงให้การตอบรับมากมาย

“ลำเพลิน” ถือเป็นนักร้องหมอลำรุ่นใหม่ ที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งมาก นอกจากจะร้องเพลงได้ดี ก็ยังสามารถแต่งเพลงเองได้ด้วย เป็นหนึ่งในศิลปินคุณภาพที่น่าจับตามาก ความสามารถของลำเพลิน ทำให้คนมองว่าเป็นเหมือน โชคชะตา หรือ ฟ้าลิขิต ที่ทำให้ลำเพลินร้องเพลงได้ดี แต่เมื่อย้อนกลับที่จุดเริ่มต้น ความสามารถทางเพลงของเขามีที่มาที่เรียบง่ายกว่าที่คิด ครอบครัวของลำเพลินที่บุรีรัมย์ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่มีมูลค่า และมีคุณค่าสำหรับสมาชิกในครอบครัว คือเสียงเพลงที่ดังจากเครื่องเล่นเทปทุกวัน ครอบครัวนี้หล่อหลอมชีวิตด้วยเสียงดนตรีตั้งแต่เริ่มต้นจนจบวัน

“ลำเพลิน” เล่าว่า “เพลงอยู่กับผมตั้งแต่จำความได้ ที่บ้านมีเครื่องเล่นเทป ตากับยายจะเปิดหมอลำเก่าๆ ทุกวัน ตาเป็นคนที่ชอบฟังเพลง แล้วแม่ผมก็เป็นคนชอบร้องเพลงด้วย ตายายเปิดหมอลำ แต่หลานหลงใหลเพลง “จักรยานสีแดง” ของวงขวัญใจมหาชนอย่างโลโซ ตอนนั้นผมร้องเพลงเกือบทุกวัน ตอนเด็กไม่อาย ร้องอย่างเดียว ผมรู้สึกว่าการ ร้องเพลงคืองานศิลปะ ถ้าทำอะไรเกี่ยวกับงานศิลปะ ผมจะทำได้เร็วมาก เขาใช้คำว่าพรสวรรค์ ในการที่จะคิดงานเกี่ยวกับเพลง  การแต่งกาพย์ กลอน ผมก็แต่งได้ตั้งแต่ตอนอยู่ป. 2 เรียงความก็เขียนได้ที่หนึ่งเกือบทุกรายการ มันเกิดของมันเอง แต่ตรงกันข้าม ถ้าให้ผมไปทำงานคิดคำนวณเกี่ยวกับตัวเลข จะได้เกรดต่ำที่สุดในห้อง (พูดแบบเขินๆ) ผมคิดว่าการฟังเพลงตั้งแต่เด็กมันทำให้คนเรามีจินตนาการ คือถ้าผมชอบก็จะฟังทั้งวัน อันดับแรกเราฟังจากความชอบ ต่อมาเราจะสังเกตว่า เพลงนี้มีเมโลดี้ที่สวยงาม เนื้อหาที่ดี เทคนิคการร้องดี ตัวเทคนิคนี่ผมจะฟัง พี่มนต์แคน แก่นคูน, พี่ไผ่ พงศธร, พี่แดง จิตกร ปนกันอยู่ 3-4 คน พี่ไอดิน อภินันท์ บ้างในช่วงหลังๆ ทำให้ผมคิดว่าพี่ๆ เหล่านี้รวมกันเกิดมาเป็นผม เอาจุดเด่นของเขามาใช้กับงานเราเป็นบางท่อนบางเพลงครับ”

ลำเพลินไม่เคยเรียนร้องเพลง พรแสวงของเขาเกิดจากการฟัง แล้วทำตาม ไม่ว่าความสามารถจะดีเพียงใด ถ้าร้องแล้วคนไม่รู้สึกก็จบ ลำเพลินคิดว่าหัวใจของการเป็นนักร้องที่ดี คือร้องแล้วคนต้องเชื่อ มันจึงไม่ใช่แค่เรื่องเสียง แต่เป็นความเชื่อและตัวตนของเราที่เป็นหนึ่งเดียวกับเพลง และถ่ายทอดมันออกไปให้ดีที่สุด