ศิลปินแกรมมี่ แชร์ประสบการณ์โดนไซเบอร์บูลลี่ พร้อมเผยวิธีรับมือ

ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าการไซเบอร์บูลลี่  หรือ  “การกลั่นแกล้งผ่านโลกออนไลน์”   กำลังเป็นกระแสที่ถูกพูดถึง  และเป็นภัยร้ายที่กำลังลุกลามไปยังสังคมวงกว้าง  ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป  หรือแม้กระทั่งศิลปิน  ดารา  ต่างเคยพบเจอประสบการณ์การโดนไซเบอร์บูลลี่  เพราะทุกการกระทำบนโลกไซเบอร์เกิดได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส  การกลั่นแกล้งคุกคามผู้อื่นจึงเป็นเรื่องง่ายด้วยเช่นกัน  บางคนอาจมองว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก  แต่สำหรับอีกหลายๆ คนมองว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่ต้องรีบแก้ไข  เพราะว่าการโดน
ไซเบอร์บูลลี่อาจจะสร้างบาดแผลในใจให้กับใครอีกหลายคน

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์   ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็ก  เยาวชน  และครอบครัวมีทักษะในการรู้เท่าทันสื่อ  เฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์  ทั้งนี้  กองทุนฯ ได้มีความห่วงใยต่อสังคม  พร้อมทั้งรณรงค์ในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง
โดยครั้งนี้ได้ร่วมกับศิลปินแกรมมี่  ได้แก่  ลุลา – กันยารัตน์  ติยะพรไชย,  แพท  (วงเคลียร์) – รัณนภันต์  ยั่งยืนพูนชัย  และ  มุก – วรนิษฐ์  ถาวรวงศ์  ในฐานะของ  “บุลคลสาธารณะ”  กลุ่มคนที่มักตกเป็นเครื่องมือของการไซเบอร์บูลลี่จากสังคม  ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์และวิธีรับมือ

ลุลา – กันยารัตน์  ติยะพรไชย  เปิดเผยว่า

“เมื่อก่อนสิ่งที่โดนวิจารณ์บ่อยที่สุด  ก็คือเรื่องเสียง  ว่าทำไมลุลาต้องดัดเสียงหรือทำให้เป็นสไตล์การร้องไม่เต็มเสียง  ถึงขั้นตั้งกระทู้โพสต์ในเว็บไซต์  ลุลาอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าโลกของดนตรีค่อนข้างกว้างไกลหลากหลาย  แต่ทำไมคนถึงยึดติดอยู่ในอะไรเดิมๆ  แต่ปัจจุบันคนมักจะวิพากย์วิจารณ์เรื่องของภาพลักษณ์ภายนอก  เช่น  เสื้อผ้า  ทรงผม  ลักษณะของลุลาในทางที่ลบตลอด  ซึ่งเคยเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นมาก  แต่เมื่อมาคิดไตร่ตรองดีๆแล้ว  อาชีพของลุลาคือการขายคุณภาพของการเป็นนักร้อง  นั่นคือ  เสียงเพลง  และการแสดง  สิ่งอื่นใดๆที่เค้าพูดในเชิงลบ  ไม่ได้มีผลกับลุลาอีกแล้ว  เพราะมันคือ
ตัวเราทั้งหมด  ถ้าลุลาไม่ได้เป็นแบบนี้  ลุลาก็คงไม่ใช่ลุลาค่ะ  เพราะฉะนั้นอยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา
ไม่ใช่แค่ระบายอารมณ์ลงโซเชียลผ่านตัวอักษรเพื่อความสะใจ  เพราะนิ้วที่กำลังพิมพ์ของคุณอาจสร้าง
ความเจ็บปวดทางใจให้คนอื่น  สังคมคงจะแย่ลงหากเราไม่ปรับทัศนคติให้ดีขึ้น  ทุกคนควรได้รับกำลังใจและถูกยอมรับในสิ่งที่เราเป็น  คิดต่างไม่ได้หมายความว่าเราเป็นตัวประหลาด  แค่อย่าเป็นอันตรายต่อสังคมก็พอค่ะ”

แพท  (วงเคลียร์) – รัณนภันต์  ยั่งยืนพูนชัย  เปิดเผยว่า 

“สำหรับเหตุการณ์ไซเบอร์บูลลี่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากคอนเสิร์ตงานนึงค่ะ  คือมีช่างภาพสมัครเล่น  เขาอาสามาช่วยถ่ายภาพ  แล้วก็มีการใช้แฟลชใช้แสงที่อาจจะไม่ได้โปรมาก  และเมื่อรูป

เซ็ทนี้ถูกแชร์ออกไปในโซเชียล  ทำให้มีคนมาแสดงความคิดเห็นเรื่องรูปลักษณ์ของเราต่างๆนานา  เราก็มองเป็นเรื่องขำๆไป  แต่ที่เราอ่านแล้วรู้สึกเสียใจ  คือมีหลายคนคอมเมนต์บูลลี่ช่างภาพ  ครั้งนั้นเราเลยรู้สึกว่าเราต้องออกมาพูด  เพราะรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับช่างภาพคนนั้น  ถ้าเหตุการณ์นี้ทำให้เขากลัวการถ่ายภาพจนไม่กล้าหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายอีกเลย  พวกคุณอาจกำลังทำลายอาชีพใคร  อยากฝากถึงคนที่อาจพลั้งเผลอ  ให้ลองคิดถึงใจเขาใจเรา  เรารู้สึกว่าอะไรก็ตามที่ไม่กล้าพูดต่อหน้ากัน  ก็ไม่ควรจะพิมพ์ลงไปในโซเชียล
เพราะเราไม่รู้เลยว่า  คอมเมนต์ที่เราพลั้งด่าออกไปจากอารมณ์ชั่ววูบ  อาจทำลายชีวิตใครได้  และสำหรับผู้ถูกกระทำก็ต้องมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง   เพราะคนที่พิมพ์  เขาไม่รู้จักเราจริงๆ  เขาไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตจริงของเรา  ถ้าคอมเมนต์นั้นเป็นประโยชน์ก็รับมาโดยที่ไม่ต้องรับอารมณ์เขามาด้วย  เพราะชีวิตคนเรามันมีค่ามากเกินกว่าที่จะมานั่งรับพลังลบจากคนที่ไม่แคร์เราค่ะ”

มุก – วรนิษฐ์  ถาวรวงศ์  เปิดเผยว่า 

“พอทำงานตรงนี้  แน่นอนว่าจะมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ  สำหรับคนที่ไม่ชอบมุก  เขาก็มักจะแสดงความคิดเห็นในทางที่ไม่ดี  อาจจะใช้ถ้อยคำรุนแรง  ใส่อารมณ์  ทำให้มุกรู้สึกไม่ดี  แต่หากมุกใส่ใจกับคำวิจารณ์ในทางลบมากเกินไป  ก็จะเกิดผลเสียกับตัวเอง  เพราะช่วงแรกที่มุกเข้าวงการ  ยอมรับว่าแทบจะอยู่ไม่ได้  เครียดมาก  ไม่กล้าเล่นโทรศัพท์  เพราะเมื่อเห็นคอมเมนต์ที่ไม่ดี  ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียดและกังวล  แต่พอถึงจุดที่ภูมิคุ้มกันของเราเริ่มแข็งแรงขึ้น  วิธีของมุกก็คือพยายามที่จะไม่เก็บมาเป็นพลังลบให้กับตัวเอง  มุกมองว่าเรื่องนี้เป็นมารยาททางสังคมนะคะ  ซึ่งอาจจะมีคนบางกลุ่มที่ระรานคนอื่นทางโลกไซเบอร์มาโดยตลอด  เพราะคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะคอมเมนต์อะไรก็ได้  ถ้าพูดในเรื่องของกฎหมาย  การกระทำเหล่านี้  นับเป็นความผิด  เพียงแต่หลายคนไม่ค่อยเอาความ  ก็เลยยิ่งทำให้เป็นเรื่องที่ลุกลามกันไปในวงกว้าง
มุกอยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์เรื่องการไซเบอร์บูลลี่อย่างจริงจังนะคะ  เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและคนที่เรารัก  รวมถึงคนในสังคม  ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการไซเบอร์บูลลี่อีกต่อไปค่ะ”