นับเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี ที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจผสานกับความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนรอบโรงกลั่นและได้นำแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) มาวางรากฐานเพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยความตระหนักว่าบริษัทต้องสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญา “Bonding Human Life เชื่อมโยงคุณค่าสู่สังคม” โดยมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่องค์กร 100 ปี อย่างยั่งยืน
ทางด้าน นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ เรามุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และได้นำแนวคิด ESG มาใช้เป็นกลยุทธ์ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา และได้กลายเป็น DNA ของบริษัทฯ มาจนถึงปัจจุบัน เราพยายามคิดค้นและผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ที่นอกจากจะพัฒนาให้ธุรกิจเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว ยังสามารถคืนประโยชน์กลับสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราที่ว่า “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน” ยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้นำความรู้ ประสบการณ์ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและพลังงานของกลุ่มไทยออยล์มาช่วยเหลือและพัฒนาสังคม มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพึ่งพาตนเอง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและมุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทุกคน”
โดยที่ผ่านมา ไทยออยล์ยังตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ทั้งในแง่ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ความต้องการการเข้าถึงสภาพแวดล้อมที่ดี รวมไปถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม จึงได้วางแผนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้แนวคิด Enhance Environment เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์การดำเนินธุรกิจของโลกที่มุ่งเน้นในเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกและการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว โดยเพิ่มการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทน และมุ่งผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังได้ศึกษาแนวทางที่จะมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Greenhouse Gas Emissions เพื่อนำมาปรับใช้ในขึ้นตอนการผลิต นับเป็นการตอกย้ำความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์และรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าจากอดีตถึงปัจจุบัน ไทยออยล์ยังคงสร้างความเชื่อมั่น การยอมรับ และความไว้วางใจในการดำเนินธุรกิจ จากชุมชนและสังคม ด้วยกลยุทธ์ Engage Society เพื่อสร้างความผูกพันเพื่อเติบโตร่วมกันในระยะยาว ภายใต้กรอบการดำเนินงานใน 3 แกนหลัก คือ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี ให้กับชุมชน (Community) ด้วยการควบคุมกระบวนการดำเนินงานเพื่อจำกัดผลกระทบ ในขณะที่เสริมสร้างการมีส่วนร่วมและรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน และดำเนินโครงการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมในด้านต่างๆ ในส่วนของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคม (Society) บริษัทฯให้ความสำคัญด้านการสุขภาพอนามัย (Healthcare) และดำเนินการด้วยให้สอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบริษัทฯ และการสนับสนุนเรื่องธรรมชาติ (Nature) โดยใช้แนวคิด Nature-based Solutions หรือ NbS เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ โดยการนำหลักการ “การแก้ปัญหาระบบนิเวศน์ที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน” ได้แก่ การรักษา ปกป้อง และร่วมฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศน์ให้สมดุลในชุมชน
นอกจากการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน สิ่งแวดล้อมในประเทศแล้ว ไทยออยล์ยังยึดหลัก Ensure Good Governance เป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทำงานอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ โดยมีเป้าหมายในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด และในอนาคต ไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจในการปรับตัวสู่ธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างอนาคตบทใหม่สู่การเป็นองค์กร 100 ปี ที่เชื่อมโยงคุณค่าสู่สังคมไทยตลอดไป