ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2544 เด็กชายเกษม ศรีสมบูรณ์ เด็กชายตัวน้อยในวัยเพียง 9 ปี ได้มีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตเวทีหมอลำสุดยิ่งใหญ่ของแม่นกน้อย อุไรพร และในครั้งนั้น เด็กชายเกษม ได้ร้องเพลงบ้าไก่ตี , สาวหางเครื่อง และฮักสาวฟังลำ จากวันนั้นก็เป็นการเริ่มต้น และจุดประกายว่าเด็กชายเกษม ชอบร้องเพลงหมอลำ จากเด็กขี้อายก็เริ่มมีความเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาบ้าง และก็เริ่มฝึกร้องเพลงหมอลำมาเรื่อยๆ
จนมาถึงปัจุบันนี้ เด็กชายเกษม ศรีสมบูรณ์ ในวั้นนั้น ก็กลายมาเป็น “เต๋า ภูศิลป์” ศิลปินจากสังกัดแกรมมี่ โกลด์ ในวันนี้ ผู้ซึ่งมีเพลงดังมากมาย อาทิ ก้อนขี้ฟ้า , อ้อมกอดเขมราฐ , บ่ไปกรุงเทพฯได้บ่ เป็นต้น ต่อให้เพลงดังสร้างชื่อของตัวเองจะไม่ใช่เพลงหมอลำ แต่จุดเริ่มต้นจากการได้มาเป็นศิลปินก็เกิดจากการร้องหมอลำผ่านทางโลกโซเซี่ยล จนมีผู้ใหญ่ในแกรมมี่มาเห็น และได้เรียกให้มาสกรีนเทสนั่นเอง
เมื่อมีโอกาสอันดี “เต๋า ภูศิลป์” จึงขอกลับไปขึ้นเวทีเสียงอีสานของแม่นกน้อย อุไรพร อีกครั้งเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา แบบฉบับ new normal เป็นเวลา 20 ปีพอดีที่เต๋า ได้มีโอกาสขึ้นเวทีแม่นกน้อย ซึ่งในครั้งนี้ เต๋า ภูศิลป์ ก็ได้นำเพลงดังอย่าง ก้อนขี้ฟ้า และ อ้อมกอดเขมราฐ ร้องคู่กับ แอน อรดี มาร้องในครั้งนี้ ที่สำคัญ เต๋ายังได้นำเพลงที่เคยร้องไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มาร้องคู่กับแม่น้อยอีกด้วย
“ก็ดีใจมากครับที่มีโอกาสได้ไปขึ้นเวทีเสียงอีสานอีกครั้งในรอบ 20 ปี แต่เป็นคอนเสิร์ตแบบ new normal นะครับ ย้อนไปเมื่อตอนเต๋าอายุได้ 9 ขวบ ด้วยความที่คุณย่าของเต๋า รู้จักกับเพื่อนของคุณแม่นกน้อยจึงได้มีโอกาสขึ้นเวทีเสียงอีสาน ซึ่งเป็นเวทีที่มีชื่อเสียงมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเสี้ยววินาทีคุณแม่จับมือเต๋า ขึ้นไปร้องเพลง มันเหมือนกับจุดพลิกที่ทำให้เต๋ากล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น และหลงรักเพลงหมอลำมากยิ่งขึ้น แม่นกน้อยจึงเปรียบเสมือนเป็นผู้ตัดสายสะดือในวงการหมอลำให้กับผมเลย บอกได้คำเดียวว่าดีใจมากๆ ครับ” เต๋า ภูศิลป์ กล่าว