หลังจากที่ ช่อง 3 ผู้ผลิตคอนเทนต์ละครชั้นนำของไทย ผนึกกำลัง WeTV ผู้ให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์ชั้นนำระดับคุณภาพในทวีปเอเชีย โดยได้นำคอนเทนต์ละครของช่อง 3 ขึ้นสตรีมมิ่งโกอินเตอร์ด้วยผู้ใช้งาน 35 ล้านคนต่อเดือน โดยเฉพาะในปีนี้เป็นการก้าวสู่ปีที่ 3 ของความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย WeTV จึงเดินหน้าซื้อสิทธิ์ออกอากาศคอนเทนต์ละครช่อง 3 อีก 4 เรื่อง “สองเสน่หา” “มนต์รักหนองผักกะแยง” “สร้อยสะบันงา” และ “กะรัตรัก” ให้ได้รับชมแบบ Exclusive เพิ่มความปัง ผ่านทางแอปพลิเคชัน WeTV
โดยที่ผ่านมาช่อง 3 และเทนเซ็นต์วีดีโอ ได้จับมือร่วมกันคัดสรรละครดัง ขึ้นแพลตฟอร์ม WeTV แบบ เอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับผู้ชมทั้งในประเทศไทยและประเทศจีนร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2019 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาตลอด โดยช่อง 3 มีฐานผู้ชมหลักที่สามารถรับชมละครของช่อง 3 ได้ทั้งทางทีวีภาคพื้นดินช่อง 33 HD และช่องทางทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน CH3+ (ซี-เอส-สาม-พลัส) อยู่แล้ว ดังนั้นความร่วมมือกับ WeTV นอกจากจะเป็นการขยายฐานผู้ชมภายในประเทศไทย ยังเป็นการเพิ่มฐานผู้ชมของช่อง 3 ไปในหลายประเทศ และการผนึกกำลังร่วมกันนำคอนเทนต์ละครช่อง 3 ไปออกอากาศบนแพลตฟอร์ม WeTV จึงเป็นการแสดงให้เห็นการขยายตัวของธุรกิจบันเทิงไทยให้กว้างขึ้นในระดับโลกต่อไป
สำหรับการคัดเลือกคอนเทนต์ละครเพื่อออกอากาศนั้น WeTV มีเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจนโดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำของแต่ละประเทศ พิจารณาความโดดเด่นของเนื้อหา ตั้งแต่บริษัทผู้ผลิตไปจนถึงบทประพันธ์ ประเมินศักยภาพในการตีตลาดต่างประเทศของละครแต่ละเรื่อง และที่สำคัญคือความเหมาะสมลงตัวของนักแสดงที่จะต้องมีความเป็นสากล เพราะนักแสดงที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจะนำไปสู่ฐานของแฟนคลับที่จะให้การสนับสนุนละครในแต่ละเรื่องต่อไป โดยที่ผ่านมาในปี 2020 WeTV ได้นำละครดังของช่อง 3 อาทิ “อกเกือบหักแอบรักคุณสามี” “ร้อยเล่ห์มารยา” และ “ตราบฟ้ามีตะวัน” ออกอากาศแบบ Exclusive ในประเทศไทย และยังนำไปออกอากาศในตลาดต่างประเทศจนได้รับกระแสความนิยมแรงแตะ 500 ล้านวิวมาแล้ว ถือว่าเป็นความสำเร็จระดับสูง
ในปีที่ 3 ของความร่วมมือ WeTVได้บรรลุข้อตกลงซื้อสิทธิ์ออกอากาศละครใหม่ล่าสุดของช่อง 3 ถึง 4 เรื่อง ได้แก่ “สองเสน่หา” “มนต์รักหนองผักกะแยง” “สร้อยสะบันงา” และ “กะรัตรัก” โดยเป็นการออกอากาศที่ผู้ชมสามารถรับชมย้อนหลังทาง WeTV แบบ Exclusive ซึ่งหมายถึงสามารถรอชมหลังละครออกอากาศทางทีวีไปแล้วเพียง 2 ชั่วโมง โดยในประเทศไทยสามารถรับชมย้อนหลังแบบไม่มีโฆษณาคั่นได้ที่แพลตฟอร์ม WeTV เท่านั้น ตลอด 30 วันหลังการออกอากาศครั้งแรก และสำหรับใน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ สามารถรับชมในแบบ Non-exclusive ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนหลังละครจบทางทีวีได้เช่นเดียวกับในประเทศไทย
ทางด้าน คุณกนกพร ปรัชญาเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เทนเซ็นต์(ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับช่อง 3 ว่า “WeTV เป็นผู้ให้บริการด้านรับชมคอนเทนต์แบบ On Demand ที่มุ่งเน้นในการคัดสรรคอนเทนต์คุณภาพจากเอเชียให้มาให้ผู้ใช้บริการได้รับชม และ WeTV มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ไม่ได้มีเพียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น เรามีแผนขยายพื้นที่ให้บริการไปในตะวันออกกลางและตะวันตก รวมถึงการใช้งานในภาษาต่างๆ มีการบริการเพื่อรองรับภาษาที่หลากหลายมากถึง 10 ภาษา ดังนั้นคอนเทนต์ที่เลือกจึงต้องมีคุณภาพมากขึ้นตามลำดับ”
คุณกนกพร กล่าวต่อ “เรามองเห็นศักยภาพของช่อง 3 ในด้านความเป็นผู้นำการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ที่ผ่านมาผลงานละครของช่อง 3 เป็นที่ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ สามารถต่อยอดการค้าให้ไปสู่ผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการซื้อสิทธิ์ออกอากาศละครแบบ Exclusive ของช่อง 3 จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพื่อที่เราจะได้ร่วมมือเดินไปข้างหน้าร่วมกันกับตลาดต่างประเทศที่นับวันจะเปิดกว้างและเติบโตมากขึ้น”
ส่วนทางช่อง 3 คุณวรุตม์ ลีเรืองสกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักดิจิตอลและเทคโนโลยี บมจ. บีอีซี เวิลด์ หรือช่อง 3 ได้กล่าวว่า “ข้อตกลงในครั้งนี้ระหว่างช่อง 3 และ WeTV เป็นการซื้อสิทธิ์เพื่อออกอากาศละครแบบ Exclusive บน WeTV ซึ่งทำให้ละครทั้ง 4 เรื่องของช่อง 3 จะสามารถรับชมได้เพียงแพลตฟอร์มของช่อง 3 และทาง WeTV เท่านั้นตลอดระยะเวลา 30 วันหลังการออกอากาศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดการรับชมละครช่อง 3 จากทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ผมหวังว่าความร่วมมือกับ WeTV จะสามารถต่อยอดความสำเร็จของละครช่อง 3 และเพิ่มผู้ใช้บริการ WeTV ต่อไป”
ปัจจุบันนี้ผู้ใช้งานของ WeTV มีจำนวน 35 ล้านคนต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ช่วงอายุ 18-34 ปี ที่มีความชื่นชอบคอนเทนต์ที่ประเภทซีรีส์ ละครและรายการวาไรตี้ ปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้งานในประเทศไทยมีการเปิดรับคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายทั้งไทยและต่างประเทศ และมีการตอบรับคอนเทนต์ในฝั่งเอเชียที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยในปี 2565 WeTV มีแผนการขยายพื้นที่ให้บริการที่นอกเหนือจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังฝั่งยุโรปหรือฝั่งตะวันออกกลาง แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงการวางแผนเพื่อสร้างฐานกลุ่มผู้ใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งต่อไปจะเป็นโอกาสที่ WeTV และช่อง 3 จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อนำคอนเทนต์ไปสู่สายตาของผู้ชมในภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม