- ปักธงเป็นเจ้าแห่งคอนเทนต์ไทย ครองตลาด OTT TV เมืองไทย เดินหน้าสร้างความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม
ทั้งซีรีส์วาย – อะนิเมชั่น – ละครพื้นบ้าน ดันยอดวิวโต - เป็นมากกว่าทีวีรีรัน ชูจุดแกร่งผู้บุกเบิกสร้าง Original Content เพื่อชาวออนไลน์มากที่สุดกว่า 72 เรื่อง พร้อมรางวัลการันตีระดับนานาชาติเตรียมปล่อย 5 เรื่องใหม่เขย่าตลาดครึ่งปีหลัง
- ครองอันดับหนึ่งในไทยแพลตฟอร์มรีรันละคร – ซีรีส์ โกยมากกว่า 6 พันล้านวิวต่อปี
- เดินหน้าสนับสนุนผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยพร้อมยกระดับวงการคอนเทนต์ให้เติบโตในยุคดิจิทัล
- เผยคนดูช่วงล็อกดาวน์โตเพิ่ม 45 % ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กถึงอายุ 65 ปี พร้อมชมผ่านจอใหญ่มากกว่า 6 ล้านครั้ง
ใน 1 เดือน
LINE TV ผงาดชูความเป็น King of Thai Content เจ้าแห่งออนไลน์คอนเทนต์ระดับฟรีเมียม (Freemium) คุณภาพเพื่อคนไทยในตลาด OTT TV ที่มีความหลากหลายของคอนเทนต์มากที่สุด ครบทุกรูปแบบ ทั้งละคร – ซีรีส์ – ซิทคอม – รายการวาไรตี้ – ภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศมากกว่า 1,000 คอนเทนต์ ประกาศศักดาเป็นผู้บุกเบิกและผลิต Original Content เพื่อผู้ชมออนไลน์มากที่สุดของไทยกว่า 72 เรื่อง เตรียมปล่อย 5 เรื่องใหม่เขย่าตลาดซีรีส์ไทยครึ่งปีหลัง มั่นใจตามทันทุกกระแส พร้อมรักษาตำแหน่งแพลตฟอร์มรีรันละครยอดฮิตอันดับหนึ่งของไทย ด้วยยอดวิวรวมกว่า 6 พันล้านวิวในแต่ละปี เดินหน้าตอบโจทย์ผู้ชมทุกกลุ่ม ทั้งซีรีส์วาย อะนิเมชั่น และละครพื้นบ้าน คว้ายอดวิวโตพุ่ง ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากพันธมิตรด้านคอนเทนต์มากกว่า 250 ราย พร้อมผลักดันยกระดับวงการคอนเทนต์ไทยโตยุคดิจิทัล เผยคนดูอยู่บ้านช่วงล็อกดาวน์โต 45 % จากฐานผู้ชมที่กว้างขึ้นตั้งแต่เด็กถึงอายุ 65 ปีรวมกว่า 40 ล้านคน มุ่งมั่นเป็น Everyday Enjoyment Hub แหล่งรวมความบันเทิงเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ LINE TV ครองใจผู้ชมในเมืองไทยได้ในทุกวันนี้ จากจุดเริ่มต้นการเป็นทีวีรีรันยอดฮิตเมื่อ 6 ปีก่อน และต่อมาได้พัฒนาให้กลายเป็น Everyday Enjoyment Hub ที่โดดเด่นด้านเนื้อหาคุณภาพระดับฟรีเมียม (Freemium) ให้หลากหลายขึ้นทั้งละคร ซีรีส์ ซิทคอม ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้บน LINE TV รวมมากกว่า 1,000 รายการ รวมถึง Original Content คุณภาพที่รับชมได้เฉพาะบน LINE TV จนสามารถพูดได้ว่าเราเป็น King of Thai Content เจ้าแห่งคอนเทนต์ไทยในตลาด OTT TV (Over-the-Top TV) ของเมืองไทยที่ได้รับความเชื่อมั่นจากพันธมิตรด้านคอนเทนต์มากกว่า 250 ราย ซึ่งเรามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้วงการคอนเทนต์ไทยเติบโตในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ LINE TV ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูได้เกือบทุกอุปกรณ์ พร้อมด้วยภาพและเสียงคุณภาพ ซึ่งเหล่านี้ทำให้ LINE TV สามารถยึดฐานคนดูวงกว้างในประเทศกว่า 40 ล้านคน เกินครึ่งของประชากรทั้งประเทศตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงล็อกดาวน์นี้ มียอดการรับชมเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติถึง 45% พร้อมด้วยการชมผ่านจอใหญ่มากถึง 6 ล้านครั้งในเดือนที่ผ่านมา แต่การจะก้าวไปสู่ผู้นำในตลาด OTT TV ในเมืองไทยในระยะยาวได้นั้น หนึ่งในกลยุทธ์ของ LINE TV คือการพัฒนาจุดแข็งด้านความหลากหลายในเชิงลึก ทำให้ตำแหน่ง King of Thai Content ของเราแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับเพื่อครองใจผู้ชมในยุคออนดีมานด์ที่มีทางเลือกมากมาย”
บุกเบิกสร้าง Original Content จับมือพันธมิตรสร้างปรากฏการณ์ฮิต คว้ารางวัลนานาชาติ
LINE TV คือผู้บุกเบิกสร้าง Original Content เจ้าแรกและมากที่สุดของตลาด OTT TV ในเมืองไทยกว่า 72 เรื่อง โดยมีบทบาทเป็นผู้อำนวยการสร้างขับเคลื่อนวงการคอนเทนต์ไทยในยุคดิจิทัลด้วยการร่วมมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ ตั้งแต่ GMMTV,GDH559, Nadao Bangkok, JSL Global Media, One31, Bearcave Studio, Kantana, LeayDoDee Studio, CHANGE2561 ฯลฯ ชูความหลากหลายของรูปแบบและรสชาติคอนเทนต์เพื่อคนดูในทุกเซกเมนต์ ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ การันตีด้วย 6 รางวัลล่าสุด Asian Television Awards ครั้งที่ 24 จาก The Deadline และ Little Nirin รวมถึงรางวัลใหญ่อย่าง Cable, Satellite or Online Network of The Year ยืนยันการเป็นแพลตฟอร์มคอนเทนต์ออนไลน์คุณภาพได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างปรากฏการณ์ฮิตในกระแสหลัก อาทิ I Hate You I Love You, เสือชะนีเก้ง Freshy, Together With Me The Next Chapter, ONE YEAR 365 วันบ้านฉันบ้านเธอ, เขามาเชงเม้งข้างๆหลุมผมครับ, Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ, The Deadline, โลกโซเชี่ยล SOCIAL SYNDROME อีกทั้งรายการวาไรตี้ฮิตติดลมบนมากมาย เช่น Take Guy Out Thailand ทั้ง 3 ซีซัน, Drag Race Thailand 2 ซีซัน, Infinite Challenge Thailand ซุปตาร์ท้าแข่ง, Opal All Around และ Little Nirin
วิเคราะห์ข้อมูลสร้างสูตร Original Content เตรียมปล่อย 5 เรื่องใหม่เขย่าตลาดซีรีส์ไทยครึ่งปีหลัง
จากการมีดีเอ็นเอที่เด่นชัดในการเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าใจผู้ชมในเมืองไทย LINE TV จึงได้นำตัวเลขสถิติและข้อมูลด้าน Engagement จากคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มประกอบกับประสบการณ์ที่คร่ำหวอดของทีมงาน LINE TV และพันธมิตรผู้ผลิตมาวิเคราะห์เป็นสูตรผสมการสร้าง Original Content ให้ตรงใจคนดูในทุกกระแส ตอบโจทย์ทุกความชอบด้วยกันทั้งหมด 6 เรื่องในปี 2020 ซึ่งได้ออกอากาศไปแล้วกับ The Mother เรียกฉันว่า…แม่ และเหลืออีก 5 เรื่อง ได้แก่ วิน 21 เด็ดใจเธอ, เป็นต่อ Uncensored สำมะเล เพลย์บอย, BKPP The Series (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ), The Graduates บัณฑิตเจ็บใหม่ และ The Secret เกมรัก เกมลับ ที่กำลังจะปล่อยออกมาภายในปีนี้ มั่นใจจะสามารถเขย่าตลาดซีรีส์ไทยในครึ่งปีหลังได้แน่นอน
เดินหน้าเพิ่มความหลากหลาย ครองใจสายวาย อะนิเมชั่นขวัญใจเด็ก เพิ่มละครพื้นบ้าน
อีกหมัดเด็ดที่จะเข้ามาเสริมทัพให้ LINE TV เป็น King of Thai Content คือยังสามารถครองตำแหน่งแพลตฟอร์มละครรีรันยอดฮิตของผู้ชมไทยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ด้วยยอดวิวรวมกว่า 6 พันล้านวิวในแต่ละปี จากการได้รับความเชื่อมั่นของพันธมิตรค่ายละครเพื่อยึดฐานผู้ชมโทรทัศน์กับผู้ชมออนไลน์เข้าไว้ด้วยกันจากพฤติกรรมการชมคอนเทนต์แบบ MONMO (Missing Out Now is My Option) ที่นอกจากละครดราม่ายอดฮิตจะครองอันดับหนึ่งแล้ว คอนเทนต์ประเภทซีรีส์วายยังถือเป็นกลุ่มคนดูที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบัน LINE TV มีมากที่สุดในไทยถึง 33 เรื่อง ล่าสุดกับซีรีส์ เพราะเราคู่กัน 2Gether The Series จาก GMMTV ที่สร้างปรากฏการณ์ #คั่นกู ครองใจแฟนๆไบรท์-วิน หรือจะเป็น En of Love ที่สามารถสร้างยอดชมเพิ่มสูงถึง 142% สามารถขยายฐานไปถึงกลุ่มคนดูอายุ 65 ปี ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มคอนเทนต์ประเภทละครพื้นบ้านจากค่ายสามเศียรก็มียอดชมเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว จาก แก้วหน้าม้า,ขวานฟ้าหน้าดำ, นางสิบสอง และ พระสุธน มโนราห์ ขณะที่คอนเทนต์ประเภทการ์ตูนอะนิเมชั่นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากคุณหนูๆและเหล่าหนุ่มๆสายอะนิเมชั่น เช่น ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะซีรีส์, นารูโตะ, ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น และวันพีซ ฯลฯ ทำให้ยอดวิวเพิ่มสูงสุดถึง 47% กล่าวได้ว่า LINE TV สามารถครองใจผู้ชมทุกวัยทั่วประเทศอย่างแท้จริง
การเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนเทนต์ของไทยของ LINE TV นั้นแสดงให้เห็นว่าการสร้าง “ความหลากหลายของคอนเทนต์” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ชมเป็นหมัดสำคัญในการขับเคลื่อนให้แพลตฟอร์มสามารถครองใจฐานคนดูในวงกว้าง และสามารถแข่งขันบนตลาด OTT TV ในประเทศได้ด้วยแนวทางที่ชัดเจนในยุคที่ผู้ชมมีทางเลือกมากมายเช่นนี้