ถือเป็นอีกบทบาทที่ท้าทายตัวเองสุด ๆ สำหรับ วี-วิโอเลต วอเทียร์ ที่ต้องประชันฝีมือกับนักแสดงคุณภาพอย่าง ต่อ-ธนภพ , ไอซ์ซึ- ณัฐรัตน์ , พลอย หอวัง, ออกแบบ -ชุติมณฑน์, นุ่น- ศิรพันธ์ และ หญิง- รฐา กำกับภาพยนตร์โดย บาส– นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ดูแลงานสร้างโดย หว่องกาไว โดยเป็นเรื่องราวของ 2 เพื่อนสนิท กับเส้นทาง ‘โร้ดทริป’ ครั้งใหม่ เพื่อตามหา ‘แฟนเก่าส์‘ ในชีวิต กับภารกิจ ‘บอกลา’ คนที่เคย ‘บอกเลิก’ เป็นครั้งสุดท้าย
งานนี้ วี-วิโอเลต เริ่มต้นสะกดจิตตัวเอง ตั้งแต่ตอนไปแคสติ้งว่า “บทนี้จะต้องเป็นของเรา!!” ซึ่งพอแคสต์ผ่าน ทำเอา วี ถึงกับปลื้มสุด ๆ พอได้อ่านบทจนจบ ยิ่งรู้สึกว่าบท “พริม” เป็นบทที่ใช่สำหรับตัวเองมาก ๆ ซึ่ง “พริม” เป็นคนที่มีความตั้งใจ มีความฝันและทะเยอทะยาน อยากประสบความสำเร็จในอาชีพ บาร์เทนดี้ เรียกว่าบทนี้เป็นบทบาทแรก ที่ วี ยอมรับว่า คล้ายตัวตนของตัวเองมากที่สุด ทั้งในแง่ของวิธีคิด และการแสดงออกที่ชัดเจนในความรู้สึก
วี-วิโอเลต เผยว่า “สำหรับหนังเรื่องนี้ บอกเลยว่าเป็นการทำงานที่วีรู้สึกประทับใจมาก เป็นโอกาสที่ดีในชีวิตที่ได้ร่วมงานกับคุณหว่องกาไว และพี่บาส ผู้กำกับ ซึ่งโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ ก่อนหน้านี้วีเคยได้ร่วมงานกับพี่บาส มาบ้างแล้วในงานเอ็มวี แต่ว่าครั้งนี้คนละแบบกันเลย เพราะสเกลคือภาพยนตร์ ที่มีดีเทลที่แตกต่างออกไป ต้องยอมรับเลยค่ะว่าพี่บาสเป็นคนที่เก่งมาก ๆ เป็นผู้กำกับที่นักแสดงทุกคนเชื่อใจ แบบล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้าเขาแนะนำให้เราทำอะไร พวกเราก็จะทำเต็มที่เลย สำหรับคาแรกเตอร์นี้ ตอนแรกก็มีแอบห่วงเรื่องช่วงอายุ ที่จะต้องแสดงให้เห็นความเติบโต ให้เห็นในช่วงวัยต่าง ๆ ซึ่งทำให้เราต้องทำการบ้านอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยรีเช็ก และต้องคอยจูนมายเซ็ตกันอยู่เรื่อย ๆ ว่ายังเล่นได้ตรงกับคาแรกเตอร์ไหม ซึ่งในเรื่องนี้ วี ต้องรับบทเป็นบาร์เทนดี้ ก็เลยต้องมีการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้สมบทบาทมากที่สุด วันแรกคือได้ลองลงสนามจริงเลยค่ะ พี่ที่เขามาเทรนให้วี บอกให้เราลองไปทำงานที่หน้าบาร์ ให้เราลองไปเป็นบาร์เทนดี้จริง ๆ รู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ เพราะได้ลงสนามจริง ฝึกทำงาน ฝึกชง ฝึกการแก้ปัญหา ได้ประสบการณ์หน้างานจริง ๆ มาแบบเต็ม ๆ เลยค่ะ สำหรับการแสดงในเรื่องนี้ วีได้กลับมาร่วมงานกับ ต่อ ธนภพอีกครั้ง รู้สึกสบายใจมากค่ะ คุ้นเคยกับต่อมานานแล้ว เพราะเราเป็นเพื่อนที่สนิทกัน คุยเมื่อไหร่ก็สบายใจเสมอค่ะ สำหรับวี รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ มันสะท้อนความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับเพื่อนครอบครัว และความฝัน รู้สึกว่ามันเรียลมาก ๆ เหมือนมีมวลความรู้สึกอยู่ข้างใน อาจจะทำให้หลายคนได้ตกตะกอน และได้ข้อคิดบางอย่าง ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดความรู้สึก ที่ยังคงความคลาสสิก เข้ากับทุกยุคทุกสมัย อยากชวนทุกคนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้กันเยอะ ๆ นะคะ รับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอนค่ะ”
เตรียมออกเดินทางไปพร้อมกัน ในหนัง “One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ”
10 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์